Please use this identifier to cite or link to this item: http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/65020
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorศริยา ทองสว่างen_US
dc.contributor.authorนงลักษณ์ อินตาen_US
dc.contributor.authorสุคนทา คุณาพันธ์en_US
dc.date.accessioned2019-05-07T10:02:36Z-
dc.date.available2019-05-07T10:02:36Z-
dc.date.issued2016en_US
dc.identifier.issn0125-5983en_US
dc.identifier.urihttps://www.tci-thaijo.org/index.php/CMMJ-MedCMJ/article/view/88997/70032en_US
dc.identifier.urihttp://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/65020-
dc.descriptionChiang Mai Medical Journal (Formerly Chiang Mai Medical Bulletin) is an official journal of the Faculty of Medicine, Chiang Mai University. It accepts original papers on clinical and experimental research that are pertinent in the biomedical sciences. The Journal is published 4 issues/year (i.e., Mar, Jun, Sep, and Dec).en_US
dc.description.abstractวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาลักษณะทางคลินิกของทารกแรกเกิดที่ได้รับการใส่สายสวนหลอดเลือดดําใหญ่ผ่านทาง หลอดเลือดดําส่วนปลายที่ผิวหนัง (peripherally inserted central catheterizations: PICCs) และอุบัติการณ์ ของการเกิดภาวะแทรกซ้อน วิธีการศึกษา เป็นการศึกษาย้อนหลังเชิงพรรณนา กลุ่มตัวอย่างเป็นทารกในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด โรง พยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ที่ได้รับการใส่สาย PICCs ตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554 ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 รวบรวมข้อมูลจากเวชระเบียนอิเลคทรอนิกส์ โดยการบันทึกข้อมูลพื้นฐานทารก ข้อมูลเกี่ยวกับการใส่สาย PICCs และการเกิดภาวะแทรกซ้อน วิเคราะห์ผลการศึกษาในรูปแบบสถิติเชิงพรรณนา รายงานอุบัติการณ์การเกิดภาวะ แทรกซ้อน และวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงโดยการใช้ สถิติ binary logistic regression ผลการศึกษา ทารกที่ใส่สาย PICC มีจํานวนทั้งหมด 73 ราย อายุครรภ์เมื่อแรกเกิดน้อยกว่า 37 สัปดาห์ 69 ราย (ร้อยละ 94.5) อายุขณะเริ่มใส่สาย PICC อยู่ระหว่าง 1-10 วัน 46 ราย (ร้อยละ 63.0) มีน้ําหนักแรกเกิดน้อยกว่า 1,500 กรัม 49 ราย (ร้อยละ 67.1) ขณะใส่สาย PICCs ทารกมีน้ําหนักตัวน้อยกว่า1,500 กรัม 44 ราย (ร้อย ละ60.3) ระยะเวลาใส่สาย PICCs น้อยกว่า 14 วัน 41 ราย (ร้อยละ 56.2) และมีระยะเวลาการได้รับสารน้ําและ สารอาหารทางหลอดเลือดมากกว่า 30 วัน 30 ราย (ร้อยละ 41.1) โดยใช้สายขนาด 1-French 72 ราย (ร้อยละ 98.6) และตําแหน่งที่ใส่สายในทารกทุกราย คือ หลอดเลือดดําบริเวณข้อพับแขน ส่วนเหตุผลหลักในการใส่สาย PICCs เพื่อให้สารอาหารทางหลอดเลือด (ร้อยละ 93.2) และสาเหตุที่ต้องถอดสาย PICCs ออกมากที่สุดคือ ไม่มี ความจําเป็นต้องใช้อีก (ร้อยละ 71.2) ในการศึกษานี้พบการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สาย PICCs 8 ราย (ร้อย ละ 10.9) ซึ่งเป็นการรั่วของสารน้ําออกนอกหลอดเลือดทั้งหมด และคิดเป็นอัตราอุบัติการณ์การเกิดภาวะแทรกซ้อน 7.1 ครั้งต่อ 1,000 วันคาสาย PICCs โดยพบว่าตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากใส่สาย PICCs อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติในการศึกษานี้คือ น้ําหนักตัวขณะใส่สาย โดยทารกที่น้ําหนักตัวมากกว่า 1,500 กรัม จะมีโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนมากกว่าทารกที่มีน้ําหนักน้อยกว่า 1,500 กรัม 11 เท่า (OR= 10.7, p=.01, 95% CI= 1.6-70.0) สรุปผลการศึกษา ผลการศึกษาสามารถนําไปเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพิจารณาการใส่สายสวนหลอดเลือดดําใหญ่ ผ่านทางหลอดเลือดดําส่วนปลายที่ผิวหนัง การจัดทําแนวปฏิบัติ และการดูแลสายสวนโดยเฉพาะในการดูแลทารก ที่มีน้ําหนักมากกว่า 1,500 กรัมที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรั่วของสารน้ําออกนอกหลอดเลือดen_US
dc.languageThaen_US
dc.publisherFaculty of Medicine, Chiang Mai Universityen_US
dc.titleนิพนธ์ต้นฉบับ : การศึกษาการใส่สายสวนหลอดเลือดดําใหญ่ผ่านทางหลอดเลือดดําส่วนปลาย ที่ผิวหนังในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่en_US
dc.title.alternativeObjective To determine the clinical characteristics of newborns who had peripherally inserted central catheterizations (PICCs) and complication rates. Methods This was a retrospective descriptive study of newborns who underwent PICCs placement on the neonatal intensive care unit at Maharaj Nakorn Chiang Mai Hospital form January 1, 2011 to December 31, 2015. Data from electronic medical records were compiled, including the demographic data, the PICCs insertion records and complications. Data were analyzed using descriptive statistics, incidence rates and binary logistic regression. Results A total of 73 newborns with PICCs placements were analyzed. Sixty- nine (94.5%) newborns were less than 37 weeks gestational age; 46 (63.0%) were inserted PICCs at 1-10 days of age; 49 (67.1%) were very low birth weight infants (<1,500 grams), and 44 (60.3%) were inserted PICCs at body weight less than 1,500 grams. Forty-one newborns (56.2%) had duration of insertion for PICC less than 14 days, while 30 (41.1%) had administrated the total parenteral nutrition more than 30 days. Seventy-two (98.6%) used 1-French catheters. All the catheters were inserted into the antecubital vein. The most indications for PICCs placement were used for total parenteral nutrition (93.2%). The majority of PICCs were removed because no longer required (71.2%). PICCs complications occurred in 8 cases (10.9%). All of the complications were extravasations. The incidence rate of complications was found to be 7.1 per 1000 catheter days. The results revealed that body weight at PICCs insertion was a signifi cant related to the PICCs complications. It indicated that body weight >1,500 gms is 11 times higher for PICCs complications than body weight < 1,500 gms (OR= 10.7, p=.01, 95% CI= 1.64-70.0). Conclusion The results of this study provide baseline information in consideration of the provision PICCs placement, used to develop guidelines and management of PICCs in neonatal intensive care unit, especially in newborns weighing >1,500 gms at risk of extravasation.en_US
dc.typeบทความวารสารen_US
article.title.sourcetitleเชียงใหม่เวชสารen_US
article.volume55en_US
article.stream.affiliationsฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่en_US
article.stream.affiliationsฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่en_US
article.stream.affiliationsฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่en_US
Appears in Collections:CMUL: Journal Articles

Files in This Item:
There are no files associated with this item.


Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.